แผ่นซิลิคอนขนาดจิ๋วที่เรียกว่าเซมิคอนดักเตอร์หรือชิป ซึ่งมอบพลังการประมวลผลให้กับอุปกรณ์ทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ตโฟน ไปจนถึงรถยนต์ และระบบนำวิถีของขีปนาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กลายมาเป็นน้ำมันดิบแห่งศตวรรษที่ 21 ที่สหรัฐอเมริกาและจีนแย่งกันเป็นผู้ครอบครองตลาด ปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นฝ่ายที่ครอบครองส่วนแบ่งการผลิตของอุตสาหกรรมชิปผ่านพันธมิตรที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก เพราะตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ก็เริ่มต้นในสหรัฐฯ ขณะที่เครื่องพิมพ์ชิปด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความซับซ้อนสูงก็อยู่ในมือของพันธมิตรสหรัฐฯ เช่น ในเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่น ไปจนถึงการผลิตชิปในไต้หวันและเกาหลีใต้ ห่วงโซ่อุปทานอยู่ในมือสหรัฐฯ และพันธมิตร Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ผู้ผลิตชิปที่เป็นซับพลายเออร์ให้กับยักษ์ใหญ่วงการเทคโนโลยีอย่าง Apple, Qualcomm, NVIDIA และ Intel ถือส่วนแบ่งในตลาดชิปประสิทธิภาพสูงไปแล้วถึงมากกว่า 94% และถือส่วนแบ่งการผลิตชิปทั้งหมดเกินกว่าครึ่ง ขณะที่ ASML ผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ชิป (Lithography Machine) ด้วยรังสีเอ็กซ์ตรีมอัลตราไวโอเลต (EUV) ที่ใช้ในการผลิตชิปขั้นสูง ก็แทบจะครองส่วนแบ่งในตลาดแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันทางเทคโนโลยีชิปที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ายสหรัฐฯ พยายามทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นการพัฒนาชิปของจีน โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ออกมาตรการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีเกี่ยวกับการผลิตชิปไปยังจีน ซึ่งพันธมิตรอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเนเธอร์แลนด์ก็พร้อมทำตาม ไม่เพียงเท่านั้น นับวันสหรัฐฯ และพันธมิตรก็พยายามสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ไม่มีจีนอยู่ในนั้นด้วย เริ่มตั้งแต่การย้ายฐานการผลิตออกไปนอกจีน…