สื่อมวลชนยูเครนรายงานเมื่อ 10 ตุลาคม 2568 ว่า รัสเซียกำลังเตรียมการยกระดับปฏิบัติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน เพื่อทำให้ยูเครนไม่มีพลังงานไฟฟ้าใช้ ปัจจุบันยูเครนเร่งป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐานและควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้น เนื่องจากรัสเซียใช้วิธีการโจมตีทุกรูปแบบ ทั้งการโจมตีเชิงภายภาพ หรือการปฏิบัติการทางทหารต่อโรงไฟฟ้าในยูเครน และการโจมตีด้วยเครื่องมือทางไซเบอร์ ที่ผ่านมา รัสเซียประสบความสำเร็จในการโจมตีระบบจ่ายไฟฟ้าและพลังงานของยูเครนหลายครั้ง แต่ยูเครนสามารถควบคุมความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังมีความท้าทายในการป้องกันการโจมตีต่อโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีภาคเอกชนเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะด้านพลังงาน เพราะรัสเซียต้องการตัดพลังงานในยูเครนในช่วงฤดูหนาว เพื่อทำให้ชาวยูเครนได้รับผลกระทบมากขึ้น สถาบัน Brooking ที่วิจัยด้านความมั่นคงและต่างประเทศประเมินว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานจะเป็นสมรภูมิสำคัญระหว่างรัสเซียกับยูเครน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างปฏิบัติการโจมตีแหล่งพลังงานของกันและกัน เนื่องจากตระหนักดีว่า รัสเซียและยูเครนมีศักยภาพในการเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของยุโรป เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีสงครามระหว่างกัน ยุโรปต้องพยายามหลีกเลี่ยงการซื้อ-ขายพลังงานกับรัสเซียเพราะมีมาตรการคว่ำบาตร ทำให้หันไปสนใจแหล่งพลังงานในยูเครนมากขึ้น เนื่องจากยูเครนมีระบบท่อขนส่งพลังงานใต้ดินที่ค่อนข้างเข้มแข็งและมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งเป็นมรดกจากช่วงสหภาพโซเวียต และแม้ที่ผ่านมา โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางรัสเซียบ่อยครั้ง แต่สามารถฟื้นฟูและควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว เพราะมีการกระจายศูนย์การบริหารจัดการไว้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งยูเครนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวมาโดยตลอด โดยมีจุดแข็งของการบริหารจัดการ คือ การเชื่อมโยงระบบพลังงานของยูเครนกับระบบของยุโรป หรือ Continental European Synchronous Area (CESA) ที่โปรตุเกส เมื่อปี 2565 ทำให้รัสเซียไม่สามารถทำลายระบบควบคุมพลังงานของยูเครนได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยูเครนมีความได้เปรียบรัสเซียในสมรภูมิการส่งออกพลังงานไปยุโรป เพราะท่อขนส่งพลังงานส่วนใหญ่ของรัสเซียที่จะส่งไปให้ยุโรปต้องผ่านยูเครน ซึ่งปัจจุบันยูเครนได้ปิดการทำงานของท่อขนส่งพลังงานของรัสเซียไปยุโรปแล้วอย่างน้อย 4 เส้นทาง ได้แก่…